การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการ ทางสถิติ ที่มีความสำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ และสอดคล้องกับกรอบแนวความคิด สมมุติฐาน เทคนิคการวัด และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งหมายรวมทั้ง การเก็บข้อมูล ( Data Collection) คือ การเก็บข้อมูลขึ้นมาใหม่
และการรวบรวมข้อมูล ( Data Compilation) ซึ่งหมายถึง การนำเอาข้อมูลต่างๆที่ผู้อื่นได้เก็บไว้แล้ว
หรือรายงานไว้ในเอกสารต่างๆ มาทำการศึกษาวิเคราะห์ต่อ
ประเภทของข้อมูล
ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวแปรที่สำรวจโดยใช้วิธีการวัดแบบใดแบบหนึ่ง โดยทั่วไปจำแนกตามลักษณะของข้อมูลได้เป็น 2 ประเภท คือ
1) ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวเลขหรือนำมาให้รหัสเป็นตัวเลข ซึ่งสามารถนำไปใช้วิเคราะห์ทางสถิติได้
2) ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) คือ ข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลข
ไม่ได้มีการให้รหัสตัวเลขที่จะนำไปวิเคราะห์ทางสถิติ แต่เป็นข้อความหรือข้อสนเทศ
แหล่งที่มาของข้อมูล
แหล่งข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ บุคคล เช่น ผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้กรอกแบบสอบถาม บุคคลที่ถูกสังเกต
เอกสารทุกประเภท และข้อมูลสถิติจากหน่วยงาน
รวมไปถึง ภาพถ่าย แผนที่ แผนภูมิ หรือแม้แต่วัตถุ สิ่งของ ก็ถือเป็นแหล่งข้อมูลได้ทั้งสิ้น โดยทั่วไปสามารถจัดประเภทข้อมูลตามแหล่งที่มาได้ 2 ประเภท คือ
1) ข้อมูลปฐมภูมิ ( Primary Data) คือ ข้อมูลที่ผู้วิจัยเก็บขึ้นมาใหม่เพื่อ
ตอบสนองวัตถุประสงค์การวิจัยในเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะ การเลือกใช้ข้อมูลแบบปฐมภูมิ ผู้วิจัยจะสามารถเลือกเก็บข้อมูลได้ตรงตามความต้องการและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ตลอดจนเทคนิคการวิเคราะห์ แต่มีข้อเสียตรงที่สิ้นเปลืองเวลา
ค่าใช้จ่าย และอาจมีคุณภาพไม่ดีพอ
หากเกิดความผิดพลาดในการเก็บข้อมูลภาคสนาม
2) ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) คือ ข้อมูลต่างๆ
ที่มีผู้เก็บหรือรวบรวมไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่นักวิจัยนำข้อมูลเหล่านั้นมาศึกษาใหม่ เช่น
ข้อมูลสำมะโนประชากร สถิติจากหน่วยงาน
และเอกสารทุกประเภท ช่วยให้ผู้วิจัยประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเวลากับการเก็บข้อมูลใหม่ และสามารถศึกษาย้อนหลังได้ ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ที่ศึกษา แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องความครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากบางครั้งข้อมูลที่มีอยู่แล้วไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของเรื่องที่ผู้วิจัยศึกษา และปัญหาเรื่องความ น่าเชื่อถือของข้อมูล ก่อนจะนำไปใช้จึงต้องมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูล และเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นในบางส่วนที่ไม่สมบูรณ์
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล อาจแบ่งเป็นวิธีการใหญ่ๆ ได้ 3 วิธี คือ
1) การสังเกตการณ์ (Observation) ทั้งการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ( Participant
Observation) และการสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม ( Non-participant Observation) หรืออาจจะแบ่งเป็น
การสังเกตการณ์แบบมีโครงสร้าง ( Structured
Observation) และการสังเกตการณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ( Unstructured Observation)
2) การสัมภาษณ์ ( Interview) นิยมมากในทางสังคมศาสตร์ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์โดยใช้แบบสอบถาม ( Questionnaire) การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interview) หรืออาจจะจำแนกเป็นการสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล และการสัมภาษณ์เป็นกลุ่ม เช่น เทคนิคการสนทนากลุ่ม ( Focus Group Discussion) ซึ่งนิยมใช้กันมาก
3) การรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร เช่น หนังสือ รายงานวิจัย วิทยานิพนธ์ บทความ สิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น
..... ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.gotoknow.org/posts/203303
เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
แนวคิด หลักการหรือทฤษฎี
หัวใจของการวิจัยอยู่ที่ข้อมูล ข้อมูลต้องเชื่อถือได้ ถูกต้อง ทันเวลา ข้อมูลดีต้องได้จากเครื่องมือที่ดี ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนตามที่ต้องการ และสามารถตอบวัตถุประสงค์ที่วางไว้ได้
เครื่องมือในการเก็บข้อมูลมีหลายอย่างจะใช้วิธีไหน เมื่อไร อย่างไร ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการวิจัย ลักษณะข้อมูล และปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการ เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล เช่น แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสำรวจ การสัมภาษณ์ การสังเกต ข้อมูลที่มีอยู่แล้วได้แก่ เอกสาร รายงานและระเบียนสะสม เป็นต้น ถ้าผู้วิจัยสร้างขึ้นเองจะต้องหาความเชื่อมั่น โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญหรือสถิติวิเคราะห์ แต่ถ้าเป็นของคนอื่นก็ต้องมีการอ้างอิงด้วย
ตัวอย่าง
หัวข้อการวิจัย : การสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านคำที่ใช้อักษร ร ล ว ควบกล้ำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แบบทดสอบการอ่านคำที่ใช้อักษร ร ล ว ควบกล้ำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ชุด ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง
2. แบบฝึกทักษะการอ่านคำที่ใช้อักษร ร ล ว ควบกล้ำ จำนวน 15 ชุด ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง
3. แบบสอบถามแสดงความคิดเห็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 1 ฉบับ รวม 20 ข้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น