การวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
การวิเคราะห์ข้อมูลจำแนกได้ 2 แบบ ดังนี้ [7].p4
1. การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ใช้สถิติเชิงพรรณา (Descriptive Statistics)
- การแจกแจงความถี่ (Frequncy)
- การหาค่าสัดส่วน หรือร้อยละ (Percents)
- ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean)
- ค่ามัธยฐาน (Median)
- ค่าฐานนิยม (Mode)
- ค่าความแปรปรวน (Variance)
- ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
2. การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ใช้สถิติเชิงอนุมาน (Inference Statistics)
- การประมาณค่า
- การทดสอบสมมติฐานทางสถิติ
- การวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA Analysis)
- การวิเคราะห์ความถดถอย (Regression Analysis)
- การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ (Correlation Analysis)
ความหมายของการวัด
อ้างอิงจาก http://www.watpon.com/Elearning/stat2.htm
การวัด (Measurement) คือ การกำหนดตัวเลขให้กับสิ่งที่ต้องการศึกษาภายใต้กฎเกณฑ์ที่แน่นอน จึงจำเป็น
ต้องทราบคุณลักษณะของข้อมูลที่ถูกวัด เพื่อใช้พิจารณาเลือกใช้วิธีการทางสถิติที่เหมาะสม และควรทราบว่าข้อมูลที่
ถูกวัดมานั้นอยู่ในมาตราการวัดระดับใด ซึ่งมาตราการวัดแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้

* ระดับที่ 1
มาตราการวัดระดับนามบัญญัติ (Nominal Scale) เป็นระดับที่ใช้จำแนกความแตกต่างของ
สิ่งที่ต้องการวัดออกเป็นกลุ่ม โดยใช้ตัวเลข เช่น ตัวแปรเพศ แบ่งออกเป็นกลุ่มเพศชายและกลุ่มเพศหญิง ในการ
กำหนดตัวเลขอาจจะใช้เลข 1 แทนเพศชาย และเลข 2 แทนเพศหญิง ตัวแปรระดับการศึกษา แบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีการ
ศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี อาจจะแทนด้วยเลข 1 กลุ่มที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี อาจจะแทนด้วยเลข 2 และกลุ่มที่มี
การศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรี อาจจะแทนด้วยเลข 3 เป็นต้น ตัวเลข 1 หรือ 2 หรือ 3 ที่ใช้แทนกลุ่มต่าง ๆ นั้น ถือ
เป็นตัวเลขในระดับนามบัญญัติไม่สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หาร หรือหาสัดส่วนได้
เช่น
- แบ่งประชากรโดยใช้เพศเป็นตัวแบ่ง คือ 1) ชาย และ 2) หญิง
- แบ่งประชากรโดยใช้ภาคเป็นตัวแบ่ง คือ 1) ภาคเหนือ 2) ภาคใต้ 3) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4) ภาคตะวันออก
- แบ่งประชากรโดยใช้สถานภาพสมรสเป็นตัวแบ่ง คือ 1) โสด 2) หม้าย 3) หย่าร้าง
- แบ่งประชากรโดยใช้ศาสนา คือ 1) พุทธ 2) คริสต์ 3) อิสลาม 4) ฮินดู 5) ซิกข์ 6) อื่น ๆ
- พัฒนาการของมนุษย์แบ่งตามช่วงอายุได้เป็น 8 ระยะ ดังนี้ (สุชา จันทน์เอม, 2536, น. 2-3)
1. ระยะก่อนเกิด คือ ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิจนถึงระยะคลอด
2. วัยทารก เริ่มตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 2 ปี
3. วัยเด็ก เริ่มตั้งแต่อายุ 2 – 12 ปี
4. วัยย่างเข้าสู่วัยรุ่น ปกติหญิงเฉลี่ยมีอายุ 12 ปี ชายเฉลี่ยมีอายุ 14 ปี
5. วัยรุ่น ตั้งแต่อายุ 14 – 21 ปี
6. วัยผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 21 – 40 ปี
7. วัยกลางคน ตั้งแต่อายุ 40 – 60 ปี
8. วัยสูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป
+ http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/concepts_of_developmental_psychology/01_2.html
+ http://202.28.25.105/e-learning/courses/703447/document/kaarekbkhmuulaelawiekhraaahkhmuul.pptx

* ระดับที่ 2 
มาตราการวัดระดับเรียงอันดับ (Ordinal Scales) เป็นระดับที่ใช้สำหรับจัดอันดับที่หรือ
ตำแหน่งของสิ่งที่ต้องการวัด ตัวเลขในมาตราการวัดระดับนี้เป็นตัวเลขที่บอกความหมายในลักษณะมาก-น้อย สูง-ต่ำ 
เก่ง-อ่อน กว่ากัน เช่น ด.ช.ดำสอบได้ที่ 1 ด.ช.แดงสอบได้ที่ 2 ด.ญ.เขียวสอบได้ที่ 3 หรือ การประกวดร้องเพลง นาง
สาวเขียวได้รางวัลที่ 1 นางสาวชมพูได้รางวัลที่ 2 นางสาวเหลืองได้รางวัลที่ 3 เป็นต้น ตัวเลขอันดับที่แตกต่างกันไม่
สามารถบ่งบอกถึงปริมาณความแตกต่างได้ เช่น ไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ที่ประกวดร้องเพลงได้รางวัลที่ 1 มีความเก่ง
มากกว่าผู้ที่ได้รางวัลที่ 2 ในปริมาณเท่าใด ตัวเลขในระดับนี้สามารถนำมาบวกหรือลบ กันได้
เช่น
- อันดับที่หนึ่ง หรือที่สอง หรือที่สาม
- วัยทารก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชรา

* ระดับที่ 3
มาตราการวัดระดับช่วง (Interval Scale) เป็นระดับที่สามารถกำหนดค่าตัวเลขโดยมีช่วง
ห่างระหว่างตัวเลขเท่า ๆ กัน สามารถนำตัวเลขมาเปรียบเทียบกันได้ว่าว่ามีปริมาณมากน้อยเท่าใด แต่ไม่สามารถบอก
ได้ว่าเป็นกี่เท่าของกันและกัน เพราะมาตราการวัดระดับนี้ไม่มี 0 (ศูนย์) แท้ มีแต่ 0 (ศูนย์) สมมติ 
เช่น นายทองดีสอบได้ 0 คะแนน มิได้หมายความว่าเขาไม่มีความรู้ เพียงแต่เขาไม่สามารถทำข้อสอบซึ่งเป็นตัวแทน
ของความรู้ทั้งหมดได้ หรือ อุณหภูมิ 0 องศา มิได้หมายความว่าจะไม่มีความร้อน เพียงแต่มีความร้อนเป็น 0 องศาเท่า
นั้น จุดที่ไม่มีความร้อนอยู่เลยคือที่ -273 องศา ดังนั้นอุณหภูมิ 40 องศาจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีความร้อนเป็น 2 เท่า
ของอุณหภูมิ 20 องศา เป็นต้น 
เช่น 
- การวัดความพึงพอใจมักแบ่งเป็น 5 ระดับ (5 4 3 2 1) 

* ระดับที่ 4
มาตราการวัดระดับอัตราส่วน (Ratio Scale) เป็นระดับที่สามารถกำหนดค่าตัวเลขให้กับสิ่งที่
ต้องการวัด มี 0 (ศูนย์) แท้ เช่น น้ำหนัก ความสูง อายุ เป็นต้น ระดับนี้สามารถนำตัวเลขมาบวก ลบ คูณ หาร หรือหา
อัตราส่วนกันได้ ซึ่งบอกได้ว่าใครมีน้ำหนักเป็นสองเท่าของใคร หรือใครมีส่วนสูงเป็นกี่เท่าของใคร
เช่น 
- อายุ 43, 48, 21 ปี
- เงินเดือน 12000, 14521, 8950 บาท

การวัดความพึงพอใจ ต้องตอบเท่าไร .. จึงจะผ่านเกณฑ์
ในคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา ปี 2553 และสมศ. 2554-2558
ตัวบ่งชี้ สกอ. มี 3 ตัว ที่เกี่ยวกับ >=3.51
1. ตัวบ่งชี้ที่ 2.5 ห้องสมุด อุปกรณ์การศึกษา และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
2. ตัวบ่งชี้ที่ 2.6 ระบบและกลไกการจัดการเรียนการสอน
3. ตัวบ่งชี้ที่ 3.1 ระบบและกลไกการให้คำปรึกษาและบริการด้านข้อมูลข่าวสาร
ตัวบ่งชี้ สมศ. มี 3 ตัว  ที่เกี่ยวกับ >=3.51
1. ตัวบ่งชี้ที่ 11 การพัฒนาสุนทรียภาพในมิติทางศิลปะและวัฒนธรรม 
2. ตัวบ่งชี้ที่ 16.1 ผลการบริหารสถาบันให้เกิดอัตลักษณ์
3. ตัวบ่งชี้ที่ 17 ผลการพัฒนาตามจุดเน้นและจุดเด่นที่ส่งผลสะท้อนเป็นเอกลักษณ์ของสถาบัน
โดยทั้ง 6 ตัว .. กำหนดผลประเมินต้องไม่ต่ำกว่า 3.51 จาก 5 ระดับ
สรุปได้ว่า ถ้ามีเลขให้เลือก 1 - 5 แล้วเลือก 3 กันหมด
แสดงว่าไม่ถึงระดับคุณภาพ ไม่ได้คะแนนในข้อนั้น
และถ้าเลือก 3 กับ 4 อย่างละครึ่ง เมื่อหารเฉลี่ยแล้ว ก็ได้ 3.5 ซึ่งไม่ได้คุณภาพอยู่ดี
หากคิดเป็นร้อยละ ก็จะได้ว่า 3.51 = ร้อยละ 70.2
หรือ 1 = ร้อยละ 20 หรือ 2 = ร้อยละ 40 หรือ 3 = ร้อยละ 60 หรือ 4 = ร้อยละ 80 หรือ 5 = ร้อยละ 100
+ http://www.onesqa.or.th
+ http://www.mua.go.th/users/bhes/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น